WoW

Friday, November 9, 2012

#ไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดี


รูปข้างบนนี้ เราไม่แน่ใจว่าเรียกว่า "กำแพงกั้นขอบทาง" หรือเปล่า? แต่มันเป็นสิ่งที่เราต้องข้ามมันทุกวันไปกลับ จากทำงานกลับที่พัก เพราะมันเป็นทางลัด เราจึงขอเรียกมันว่า "กำแพง" ในที่นี้ก็แล้วกัน

ทุกวันเราจะกระโดดขึ้นไปยืนบ้างนั่งยองๆบ้างบนสันกำแพง แล้วกระโดดลงไปยังอีกฟากหนึ่ง ฟากที่เห็นพื้นถนนลาดยางระดับจะสูงกว่าด้านที่เห็นหินกรวดและพงหญ้า ดังนั้นเมื่อเรากระโดดขึ้นมาจากฟากถนน เราจะยืนหรือนั่งยองๆบนสันกำแพง ก่อนที่จะค่อยๆหย่อนทิ้งตัวลงไปบนพื้นหินกรวด เพราะระยะที่สูงกว่าจากสันกำแพงจะทำใ้ห้แรงกระแทกที่เท้าเราตกลงบนพื้นรุนแรงกว่าและทำใ้ห้รู้สึกเจ็บเท้า แต่เมื่อเรากระโดดจากด้านหินกรวดขึ้นไปบนสันกำแพงพอเท้าเราแตะสันกำแพงเราจะเทคตัวลงไปยืนบนพื้นถนนเลยทันที

คืนวันหนึ่งในช่วงครึ่งหลังของฤดูฝน คืนนั้นหลังจากฝนหยดตกสักพักเราได้เดินทางกลับที่พัก บนถนนยังมีน้ำขังอยู่หลายจุด เช่นเคย เรากระโดดจากฟากถนนเพื่อขึ้นไปนั่งยองๆบนสันกำแพง แต่เท้าข้างขวาเราสะกิดขอบสันกำแพง ทำให้เราคะมำเสียหลักตกลงไปอีกฟากหนึ่ง...

ตอนแรกเรานึกโมโหตัวเองที่ประมาทใช้แรงน้อยไปจึงกระโดดไม่พ้น แต่หลังจากนั้นเราก็เห็นความจริงว่า เราไม่ได้ประมาทโดยใช้แรงน้อยไป เพราะถ้าเราใช้แรงน้อย เราจะกระโดดไม่พ้นสันกำแพงและจะร่วงลงมาตรงกำแพงด้านถนน แต่ที่เราคะมำไปยังอีกฝั่งได้นั้นเป็นเพราะเหตุว่า ตรงพื้นถนนจุดที่เราใช้เทคตัวเป็นประจำนั้น มีน้ำขังอยู่เพราะพื้นถนนเป็นแอ่ง ทำให้เราต้องไปเทคตัวใกล้กับกำแพงมากขึ้น และเนื่องจากเราไม่ได้กระโดดขึ้นไปตรงๆ เรากระโดดขึ้นเฉียงๆ กอปรกับเราไม่ได้หยุดเดินเพื่อที่จะกระโดด หากแต่พอเราเดินมาถึงเราก็กระโดดเลย ตัวเราจึงหันหน้าเฉียงๆกับกำแพงด้วย ดังนั้นเมื่อเท้าเราสะกิดกับสันกำแพง จึงทำให้เราเสียหลักคะมำข้ามไปอีกฟากหนึ่ง ในลักษณะที่งอเข่านั่งยองๆและหน้าเฉียงกับพื้น

ช่วงเวลานั้นเราคิดว่าเราคงถลาลงไปจับกบในท่าตะแคงเฉียงหน้ากับพื้นหินกรวด แต่ ฉับพลันร่า่งกายของเราก็กลับกระดกขึ้นมาตั้งตรง จึงทำให้เท้าเราลงสู่พื้นในท่าเดียวกันกับที่เคยทำเป็นประจำ

เราจำได้ว่าจังหวะเดียวกันนั้น เรามองเห็นร่างกายของเราในท่านั่งงอเข่ายองๆที่คะมำลงไปแล้วกระดกตั้งขึ้นมานั้นทั้งตัว ซึ่งโดยปกติแล้วคนเราจะมองไม่เห็นร่างกายของตัวเองทั้งตัว เว้นแต่จะดูจากเงาในกระจก

และ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก! แต่เป็นครั้งที่ 2 ที่เราเห็นร่างกายของเราเต็มตัว เวลาประสบเหตุการณ์ทำนองนี้


No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.