น้องหญิงทั้งสองคนนี้ยามเห็นเราจะแสดงออกที่ตาคนละข้างกัน (แววตาทั้ง 2 ข้างไม่เหมือนกัน)
เรานึกถึงวันที่แม่เราเสีย
วันนั้นหลังจากที่ป้อนข้าวแม่เสร็จ เราก็เอาผ้าไปแช่ แล้วก็กลับมาเอายาให้แม่กินตามใบสั่งหมอฯ เราเห็นแม่พยายามดันประตูออกไปทางห้องครัว ซึ่งเราล็อคด้านนอกไว้ (แม่เราหลงเลือนแล้ว เราจึงต้องกันให้เข้าออกได้ทางเดียว เพื่อจะได้ดูแลง่ายขึ้น) เราจึงเรียกแม่ให้มาตรงที่แม่นอนเพื่อป้อนยา
พอแม่หันกลับมา เราใจหายวาบ น้ำตาแม่ไหลจากตาข้างซ้ายเป็นทางยาว
เราจึงถามว่า แม่เป็นอะไร แม่ตอบว่า แม่ใจไม่ดี
พอกินยาเสร็จ แม่ก็นอนลง เราก็นั่งลงข้าง ๆ มองดูแม่ที่นอนหลับตา เราเห็นแบบเดียวกับที่เห็นตอนที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล แม้ว่าแม่จะเดินเหินได้ แต่เรารู้สึกว่า พลังชีวิต ของแม่เหลือน้อยลงเต็มที
นึกขึ้นได้ก็เลยตัดสินใจว่า จะถ่ายทอด ปราณ ให้แม่
ซึ่งนานมาแล้วเราเคยทำ และก็เกือบตาย เพราะขาดความระมัดระวัง ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน หลังจากเหตุการณ์นั้น เราบอกกับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ใครอีกแล้ว นอกจากคนที่เรารัก และโยนตำราทิ้งไป
แต่นี่เป็นแม่ เมื่อนึกขึ้นมาได้ เราก็เลยตัดสินใจ
หลังจากนั้นเราก็สำรวมจิต เดินลมปราณ พอรู้สึกได้ที่ เราก็เลื่อนฝ่ามือไปอังอยู่เหนือตรงช่วงหน้าผากของแม่ที่นอนอยู่ กะถ่ายทอดปราณจากจักรฝ่ามือ สู่จักรตาที่สามของแม่ (เราก็ไม่เคยทำมาก่อนเหมือนกัน แต่ได้ประสบการณ์ตอนที่ไปเวียงจันทน์ ขณะที่ฝึกลมปราณอยู่ ปราณพุ่งออกจากจักรฝ่ามือ)
แต่แล้ว แม่ก็พูดกับเราในขณะที่หลับตาอยู่ว่า ไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้หน่อย
เราจึงลุกไปทำตามที่แม่พูด ขณะที่กำลังเช็ดหน้าอยู่นั้น เราสังเกตเห็นว่า ที่ตาข้างซ้ายของแม่มีขี้ตาเขรอะเต็มขอบเปลือกตาจากหัวตาถึงหางตา เราจึงเอามือเปิดเปลือกตาของแม่ และเอาผ้าเช็ดโดยปาดแค่ครั้งเดียว ที่เห็นคือ ขี้ตาที่มีอยู่เต็มขอบเปลือกตาหลุดออกหมด
ทันใดนั้น ลูกตาของแม่ก็หมุนติ้ว และมีเสียงดัง คร่อก!
เราตกใจ จึงตบหน้าแม่เรียกสติ แต่ก็ไม่ได้ผล จากนั้นก็จับชีพจร พบว่าหยุดเต้นแล้ว เอามือเปิดเปลือกตา ก็พบว่า ม่านตาไม่หดตัวเมื่อเจอแสง
แม่ตายแล้ว!
ขณะที่กำลังจะโทรหาพ่อที่ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ก็มีเสียงดัง เอิ๊ก ๆ เราไม่ทันคิด แต่ด้วยความหวัง เราจึงตะโกนเรียกญาติที่บ้านอยู่ติดกัน
ผ่านพ้นงานฌาปนกิจไปนานเหมือนกัน วันหนึ่งเราก็นึกขึ้นได้
ที่เราได้ยินเสียง เอิ๊ก ๆ (ไม่เหมือนเสียงหัวเราะนะ) คือเสียงที่เกิดจากลมเข้าไปในกระเพาะ เนื่องจาก ทวารเปิด ที่เรียกว่า ทวาร ก็คือ ลิ้นวาว ตามระบบทางเดินต่าง ๆ นั่นเอง
เรื่องที่เรามานึกได้ ก็คือ
ตอนที่ลูกตาแม่หมุนติ้ว และมีเสียงดังคร่อก ด้วยอารามตกใจ เราจึงทิ้งผ้าที่ใช้เช็ด ไม่ได้ดูว่า มีขี้ตาติดอยู่ที่ผ้าหรือเปล่า?
เราจึงไม่รู้เลยว่า ขี้ตาที่เราเห็นนั้น มันเป็นขี้ตาจริง ๆ หรือ นิมิต
ถ้าเป็นขี้ตาจริง ก็ต้องติดอยู่ที่ผ้า
แต่ถ้าเป็นนิมิต ที่ผ้าก็จะไม่มีอะไรเลย
#เทพเจ้าดาวเหนือ #7ดาวเหนือ #7ดาวใต้ #น้องหญิงเจ็ดดาวเหนือ #น้องหญิงเจ็ดดาวใต้ #จักรพรรดินีเจ็ดดาวเหนือ #จักรพรรดินีเจ็ดดาวใต้ #บุพเพสันนิวาส #พันธสัญญา #แต่ปางก่อน #ก่อนพุทธกาล #กาลครั้งหนึ่ง #การนำทางของเทพเจ้า #7northstars #7southstars #7starstale #7starsshido
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.